เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generate electricity) คือ เครื่องจักรกลที่ใช้สำหรับแปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงาน คือเมื่อสนามแม่
เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะเกิดไฟฟ้าออกมา
เครื่องปั่นไฟเป็นเครื่องจักรกลที่ทำงานเปลี่ยนแปลงพลังงานกลมาเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยการเหนี่ยวนำของแม่เหล็กตามแนวทางของ ไมเคิล ฟาราเดย์ คือ การเคลื่อนที่ของขด
ลวดตัวนำผ่านสนามแม่เหล็ก หรือการเคลื่อนที่แม่เหล็กผ่านขดลวดตัวนำ จะทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในขดลวดตัวนำนั้น
ปัจจุบันระบบไฟฟ้าภายในประเทศไทยมีทั้งระบบการผลิตการส่งจ่ายและการจำหน่ายที่มีคุณภาพ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทำให้สถานที่ประกอบการมีกระแสไฟฟ้า
ใช้ได้ตลอดทั้งวัน แต่บางครั้งอาจจะเกิดข้อขัดข้องจากการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าอันเนื่องมาจาก ความบกพร่องของเครื่องมือในระบบหรือการเกิดอุบัติเหตุ มีการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อ
ฟื้นฟู แก้ไข หรือปรับปรุงระบบสายส่งให้ดีขึ้น หรือมีการเชื่อมต่อสายส่งเพิ่มขึ้น การเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น ลมพายุ ฝนฟ้าคะนอง ทำให้กิ่งไม้ในละแวกใกล้เคียงสายส่งหัก
พาดสาย ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร หรือเกิดฟ้าผ่าลงบนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ซึ่งข้อขัดข้องดังกล่าว ถึงแม้ทำให้มีผลกระทบกระเทือนต่อบ้านพักอาศัยของชาวบ้านไม่มากนัก แต่สำหรับสถานประกอบการประเภทอาคารสูง โฮเต็ล โรงหมอ โรงงาน
อุตสาหกรรม จึงมีความกระทบกระเทือนค่อนข้างมาก เช่น ระบบปรับอากาศ ลิฟต์ประจำอาคาร กระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม จะหยุดชะงัก เป็นสาเหตุให้เกิดการเสีย
หายแก่สถานที่ประกอบการนั้น ๆ เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีกำลังไฟฟ้าสำรองไว้จ่ายพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังไฟฟ้าสำรองนี้ได้มาจากเครื่องปั่นไฟสำรอง(Stand by
Generator) นั่นเอง
ดังนั้น สถานประกอบการจะต้องตรวจสอบเสียก่อนว่า กิจการของตนเองจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าที่ระดับความปลอดภัยเพียงใด และกิจกรรมการใช้ไฟฟ้าใดบ้างที่เป็นกิจกรรมที่สำคัญ
และไม่สามารถหยุดกระบวนการทำงานเป็นระยะเวลานานได้ ซึ่ง (The National Fire Protection Association) ได้แยกระดับของความ
เชื่อถือของระบบไฟฟ้าตามความสำคัญของภาระไฟฟ้าออกเป็น 4 ระดับ
ระดับที่ 1 ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยในชีวิต เช่น ระบบไฟแสงสว่าง ระบบระบายอากาศ และระบบป้องกันเพลิงไหม้ เป็นต้น
ระดับที่ 2 ระบบไฟฟ้าฉับพลันเพื่อคุ้มครองความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรม เช่น ระบบควบคุมและจัดเก็บข้อมูลหลัก ศูนย์จัดเก็บข้อมูลของธนาคาร ระบบ
ไฟฟ้าของห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล เป็นต้น
ระดับที่ 3 ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อป้องกันความล้มเหลว ทางเศรษฐกิจเนื่องจากกระบวนการผลิตต่างๆ หยุดชะงัก เช่น การผลิตส่วนประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตอาหาร
การผลิตทางเคมี การกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
ระดับที่ 4 ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองกระบวนการทำงานมิให้เกิดการหยุดชะงัก จนทำให้เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ในกระบวนการผลิตเกิดความเสียหายได้ เช่น ระบบหล่อเย็น
ระบบหล่อลื่น เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม การทำงานเหล่านี้จำเป็นจะต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเผื่อไว้ไว้ใช้งาน
เครื่องปั่นไฟมี 2 ชนิด คือชนิดกระแสตรงเรียกว่า ไดนาโม (Dynamo) และชนิดกระแสสลับเรียกว่า อัลเตอร์เนเตอร์ (Alternator) สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้
งานในเชิงอุตสาหกรรมนั้น โดยมากจะเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ ซึ่งมีทั้งแบบ 1 เฟส และแบบ 3 เฟส โดยเฉพาะเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้ตามโรงไฟฟ้าจะเป็น
เครื่องกำเนิดแบบ 3 เฟสทั้งหมด เนื่องมาจากสามารถผลิตและจ่ายกำลังไฟฟ้าได้เป็นสามเท่าของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ 1 เฟส
เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะเกิดไฟฟ้าออกมา
เครื่องปั่นไฟเป็นเครื่องจักรกลที่ทำงานเปลี่ยนแปลงพลังงานกลมาเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยการเหนี่ยวนำของแม่เหล็กตามแนวทางของ ไมเคิล ฟาราเดย์ คือ การเคลื่อนที่ของขด
ลวดตัวนำผ่านสนามแม่เหล็ก หรือการเคลื่อนที่แม่เหล็กผ่านขดลวดตัวนำ จะทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในขดลวดตัวนำนั้น
ปัจจุบันระบบไฟฟ้าภายในประเทศไทยมีทั้งระบบการผลิตการส่งจ่ายและการจำหน่ายที่มีคุณภาพ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทำให้สถานที่ประกอบการมีกระแสไฟฟ้า
ใช้ได้ตลอดทั้งวัน แต่บางครั้งอาจจะเกิดข้อขัดข้องจากการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าอันเนื่องมาจาก ความบกพร่องของเครื่องมือในระบบหรือการเกิดอุบัติเหตุ มีการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อ
ฟื้นฟู แก้ไข หรือปรับปรุงระบบสายส่งให้ดีขึ้น หรือมีการเชื่อมต่อสายส่งเพิ่มขึ้น การเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เช่น ลมพายุ ฝนฟ้าคะนอง ทำให้กิ่งไม้ในละแวกใกล้เคียงสายส่งหัก
พาดสาย ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร หรือเกิดฟ้าผ่าลงบนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ซึ่งข้อขัดข้องดังกล่าว ถึงแม้ทำให้มีผลกระทบกระเทือนต่อบ้านพักอาศัยของชาวบ้านไม่มากนัก แต่สำหรับสถานประกอบการประเภทอาคารสูง โฮเต็ล โรงหมอ โรงงาน
อุตสาหกรรม จึงมีความกระทบกระเทือนค่อนข้างมาก เช่น ระบบปรับอากาศ ลิฟต์ประจำอาคาร กระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม จะหยุดชะงัก เป็นสาเหตุให้เกิดการเสีย
หายแก่สถานที่ประกอบการนั้น ๆ เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีกำลังไฟฟ้าสำรองไว้จ่ายพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังไฟฟ้าสำรองนี้ได้มาจากเครื่องปั่นไฟสำรอง(Stand by
Generator) นั่นเอง
ดังนั้น สถานประกอบการจะต้องตรวจสอบเสียก่อนว่า กิจการของตนเองจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าที่ระดับความปลอดภัยเพียงใด และกิจกรรมการใช้ไฟฟ้าใดบ้างที่เป็นกิจกรรมที่สำคัญ
และไม่สามารถหยุดกระบวนการทำงานเป็นระยะเวลานานได้ ซึ่ง (The National Fire Protection Association) ได้แยกระดับของความ
เชื่อถือของระบบไฟฟ้าตามความสำคัญของภาระไฟฟ้าออกเป็น 4 ระดับ
ระดับที่ 1 ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยในชีวิต เช่น ระบบไฟแสงสว่าง ระบบระบายอากาศ และระบบป้องกันเพลิงไหม้ เป็นต้น
ระดับที่ 2 ระบบไฟฟ้าฉับพลันเพื่อคุ้มครองความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรม เช่น ระบบควบคุมและจัดเก็บข้อมูลหลัก ศูนย์จัดเก็บข้อมูลของธนาคาร ระบบ
ไฟฟ้าของห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล เป็นต้น
ระดับที่ 3 ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อป้องกันความล้มเหลว ทางเศรษฐกิจเนื่องจากกระบวนการผลิตต่างๆ หยุดชะงัก เช่น การผลิตส่วนประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตอาหาร
การผลิตทางเคมี การกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
ระดับที่ 4 ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองกระบวนการทำงานมิให้เกิดการหยุดชะงัก จนทำให้เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ในกระบวนการผลิตเกิดความเสียหายได้ เช่น ระบบหล่อเย็น
ระบบหล่อลื่น เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม การทำงานเหล่านี้จำเป็นจะต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเผื่อไว้ไว้ใช้งาน
เครื่องปั่นไฟมี 2 ชนิด คือชนิดกระแสตรงเรียกว่า ไดนาโม (Dynamo) และชนิดกระแสสลับเรียกว่า อัลเตอร์เนเตอร์ (Alternator) สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้
งานในเชิงอุตสาหกรรมนั้น โดยมากจะเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ ซึ่งมีทั้งแบบ 1 เฟส และแบบ 3 เฟส โดยเฉพาะเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้ตามโรงไฟฟ้าจะเป็น
เครื่องกำเนิดแบบ 3 เฟสทั้งหมด เนื่องมาจากสามารถผลิตและจ่ายกำลังไฟฟ้าได้เป็นสามเท่าของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ 1 เฟส